วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

โลกไร้พรมแดน ท่ามกลางคลื่นลูกที่ ?????



เมื่อสักประมาณกว่า ๒๐ ปีที่แล้ว "คลื่นลูกที่สาม" ของ อัลวิน ทอฟเลอร์ เป็นหนังสือขายดีมั๊กมากกกก ซึ่งโดยสรุป คือ การเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก มีลักษณะเหมือนลูกคลื่น ตั้งแต่ยุคโบราณกาล มนุษย์ จะออกป่าล่าสัตว์และเก็บของป่าเพื่อการอยู่กิน ต่อมา เริ่มรู้จัก การเพาะปลูก เรียกว่า กสิกรรม รู้จัก การเลี้ยงสัตว์ เรียกว่า ปศุสัตว์ หรือเรียกรวมรวมกันว่า "ยุคเกษตรกรรม" เป็นคลื่นลูกที่หนึ่ง และคลื่นลูกที่สอง เริ่มเมื่อมีการประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำ มีรางรถไฟ การผลิตและขนส่งสินค้าสะดวกกว่าเดิม เรียกว่า "ยุคอุตสาหกรรม" ซึ่งสินค้าที่ผลิตจะอยู่ในลักษณะเหมาโหล ตลาดเป็นของผู้ผลิต ขนาดว่า รถยนต์ฟอร์ด ทุกคันต้องเป็นสีดำเท่านั้น แต่เมื่อเริ่มมีการคิดค้น แผงวงจรไอซี ระบบอิเลคทรอนิกส์ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เคยเป็นระบบหลอดก็เปลี่ยนเป็นแผงวงจร คอมพิวเตอร์ที่เคยมีขนาดใหญ่ ก็มีขนาดเล็กลง เริ่มเข้าสู่คลื่นลูกที่สาม "ยุคข่าวสารข้อมูล" .........


"ดูละคอนแล้วให้ย้อนดูตัว" เป็นประโยคในหนังสือละครแห่งชีวิต ของ มจ.อากาศดำเกิง ซึ่งเป็นหนังสืออ่านนอกเวลา ในสมัยผมยังอยู่ในวัยเรียน และผมมักจะคิดและวิเคราะห์เปรียบเทียบตาม ก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับ อัลวิน ทอฟเลอร์ ว่า โลกมันเปลี่ยนแปลงด้วยอัตราเร่งที่สูงมาก โดยเปรียบเทียบกับประสบการณ์ในชีวิตจริง ย้อนหลังไปตั้งแต่สมัยผมเรียนระดับมัธยมศึกษา ในสมัยนั้น ศูนย์กลางของกรุงเทพ คือ สนามหลวง ไม่ว่าจะมาจากต่างจังหวัด หรือมุมไหนของกรุงเทพ มักจะนัดกันไปตลาดนัดท้องสนามหลวง แต่ต้องระบุให้ชัดเจนนะว่าใต้ต้นมะขามต้นใด และฝั่งตรงข้ามศาลฎีกา จะมีแผงหนังสือหลังพระแม่ธรณีบีบมวยผม เป็นหนังสือมือสองบ้าง หรือหนังสือใหม่แต่ราคาถูกกว่าที่อื่น


ผมในฐานะที่ต้องช่วยพ่อแม่ประหยัด (แม่ผมจบ ป.๓ แต่รักการอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ นิยายตามนิตยสาร ติดตามไม่เคยพลาด ท่านก็เลยพอมีความรู้อยู่บ้าง โดยเฉพาะรู้ว่า การกินปลาจะทำให้ฉลาด แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจ ท่านพยายามหาซื้อปลาให้ลูกกิน ซึ่งก็ได้เพียงปลาลิ้นหมา ปลาจึงบำรุงสมอง และชนิดของปลาก็บำรุงปากของผมมาจนทุกวันนี้ !!!! ปากหมา !!!! ) สมัยนั้น ผมเรียนระดับมัธยมศึกษา จึงมักจะไปหาซื้อหนังสือจากแผงหนังสือเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นแผงเบอร์ห้า หรือแผงเบอร์สิบ ยังจำได้ดีว่า บริเวณด้านหลังพระแม่ธรณีบีบมวยผม จะเป็นสุขาหรือส้วมสาธารณะ มักจะมีคนมาคอยมองและวิเคราะห์ผู้คนเพื่อบอกขายสินค้า เมื่อผมเดินไปก็จะมีวัยรุ่น ปรี่เข้ามาพร้อมคำถามซ้ำซากว่า "ปกขาวมั๊ยน้อง ปกขาวมั๊ยน้อง ปกขาวมั๊ยน้อง" ปกขาวที่ว่า คงไม่ได้หมายถึง หนังสือเปิดโปงปมทุจริตใดใด แต่รับรู้ร่วมกันว่า เป็น วรรณกรรมลามก ที่พิมพ์ด้วยสีขาวและสีดำหรือเทา ปกจึงมีพื้นเป็นสีขาว รูปภาพและตัวหนังสือเป็นสีดำ (เทา)


ครั้นผมศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี สนามหลวงถูกย้าย ย้ายไปดำรงตำแหน่ง ณ สวนจตุจักร จนปัจจุบันนี้ มีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์เป็นอย่างยิ่ง ผมเรียนเอกวิทยาศาสตร์ ตำราชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ ล้วนแต่เล่มหนา ๆ ไม่เว้นแม้แต่จุลชีววิทยา ที่เกือบทำให้ผมเป็น จุล หนังสือหนาราคาแพง คนจนอย่างเราก็ต้องหันไปพึ่งหนังสือมือสองหรือแผงหนังสือราคาถูก เช่นกัน แผงหนังสือย้ายติดตาม เหมือนข้าราชการย้ายติดตามคู่สมรส โดยย้ายไปอยู่จตุจักร เช่นกัน ผมก็ไปหาซื้อตำราเรียนแถวแผงหนังสือจตุจักร แต่สรรพสิ่งเป็นอนิจจัง มันไม่เที่ยง นอกจากมันย้ายสถานที่แล้ว ผมก็อายุมากขึ้น ประกอบกับ มีแววเชื้อจีนอยู่ไม่น้อย ก็จะมีพ่อค้าขายตรงคอยเล็งและรี่มาถามว่า "เฮีย เฮีย วีดิโอเอ็กซซซซ มั๊ย"


มิหนำซ้ำตอนผมเรียนปริญญาโท คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เริ่มเป็นที่แพร่หลาย มีหรือที่ผมจะยอมตกกระแส อุตส่าห์ทุ่มทุนสร้างกว่า ๖๐,๐๐๐ บาท ได้คอมพิวเตอร์พร้อมเครื่องพิมพ์แบบแคร่ยาว ๒๔ หัวเข็ม อะไรปานนั้น เพราะหลงเชื่อในคำพูดของพื่ร่วมรุ่นเพื่อนบอกว่า ระดับพวกเราถ้ามีเครื่อง มีโปรแกรม มีตำรา และมีเวลา ไม่เห็นจะต้องไปอบรมที่ไหนเลย ดังนั้น โปรแกรมต่าง ๆ ผมก็ต้องไปตระเวณหาซื้อแถวพันธ์ทิพย์พลาซ่า คราวนี้ ผมน้อมรับคำสั่งสอนของพระพุทธองค์อ่างไม่สงสัยอีกเลย เพราะคำถามเปี๊ยนไป เขาถามว่า "ลุง ลุง ลุง ซีดีเอ๊กซซซ มั้ย" ผมก็ต้องกลับมาทบทวนตัวเองว่า หรือรูปลักษณ์ภายนอกของเรามันส่อว่าหมกมุ่นกับเรื่องพรรค์นั้น ต้องพยายามฝืนตอบเชิงถามซ้อนว่า "ซีดีเอ๊กซ์ ไม่เอาหรอก แต่อยากได้ ซีดีพระไตรปิฎก เวอร์ชั่น มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย นะมีมั๊ย" บรรดา พ่อค้าขายตรงก็พากันหลบหน้าไป (ให้รู้เสียบ้างว่า ไผเป็นไผ)


จากเรื่องทั้งหมดที่เล่ามาข้างต้น เป็นไปตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ สอดคล้องกับคลื่นความเปลี่ยนแปลง จากหนังสือปกขาว เป็นวิดีทัศน์ ที่เป็นภาพเคลื่อนไหว จนสู่ระบบดิจิตอล บางครั้ง มันก็จะเยือนมาขายตรงให้เราภายในห้องหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา หากเราจะพิจารณาแบบเหรียญสองด้าน หรือแบบหยินกับหยาง ผมว่ามันยังขาดความสมดุล ความเลวร้าย ราคะ ความเสื่อมทราม ทำไมเปลี่ยนแปลงในอัตราเร่งสูงมาก คงถึงเวลาแล้วที่คุณครูและผู้ที่อยู่ฝ่ายธรรมทั้งหลายจะต้องร่วมมือช่วยกัน สร้างสรรค์เวทีของธรรมให้ทายท้า และน่าสนใจเพื่อพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้เป็น คนเก่ง คนดี และมีปัญญา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น