วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
โลกไร้พรมแดน ท่ามกลางคลื่นลูกที่ ?????
วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
อย่าคิดว่าเป็นอย่างที่คิด ตอน ๓
เพื่อนเคยถามว่า ทำไมเขาถึงสร้างถนนเป็นทางโค้ง ตอบไปว่า เพราะต้องสร้างตามแนวไหล่เขา เพื่อนเฉลยว่า เขาสร้างถนนโค้ง เพราะเครื่องหมายจราจร บอกว่า เส้นทางต้องโค้ง (55555+)
นอกจากนี้ เคยมีกลุ่มชาวไทยภูเขา ซึ่งเวลานั้น อาจจะยังไม่ค่อยรู้หนังสือไทย นั่งรถสองแถวมาด้วยกัน พอมีเครื่องหมายจราจร ระบุว่า "โค้งอันตราย" มีสาวคนหนึ่งพอจะรู้หนังสือไทย จึงรีบบอกคนขับไปว่า "วิ่งโตงปาย ขั้งหน้าค้องอานตาราย" เดชะบุญรถติดอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ ไม่ดิ่งลงเหว บาดเจ็บกันระนาว สาวผู้นั้นตะโกนด้วยความลิงโลดว่า "ลีนะ ที่อั๊วลู้หนางเสอทาย ม่ายง้านตายท้างคานแนะ"
จุดสำคัญครั้งนี้ คือ ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังขับรถเปิดหน้าต่างเพื่อรับลมธรรมชาติระหว่างลงจากเขาอย่างอารมณ์ดี ทันใดนั้นเองมีรถยนต์คันหนึ่งวิ่งสวนขึ้นมาอย่างรวดเร็วและกินเลนเข้ามาอย่างมาก ชายผู้นั้นต้องพยายามขับหลบอย่างพัลวัน ในขณะที่รถยนต์คู่กรณี คนขับเป็นหญิงสาว เปิดกระจกหน้าต่างไฟฟ้าลงพร้อมตะโกนมาว่า "ควาย" ชายผู้นั้นโกรธมากที่ถูกผรุสวาส พยายามเหลือบมองเพื่อจำทะเบียนรถยนต์คู่กรณี ครั้น พอโผล่พ้นโค้ง รถยนต์ของชายคนนั้นพุ่งเข้าชนฝูงควายที่เดินอยู่บนถนนอย่างจัง !!!!!
วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
อย่าคิดว่าเป็นอย่างที่คิด ตอน ๒
วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับวิกฤติบ้านเมืองในความทรงจำ
ผมมีความรู้ศึกว่าตัวเองโชคดีที่เกดในแผ่นดินที่มีในหลวงเป็นศูนย์รวมดวงใจ อย่างน้อย 2 เหตุการณ์ทีผมได้มีโอกาสเห็นพระองค์ท่านลงมาแก้ไขวิกฤติบ้านเมือง
ครั้งแรก 14 ตุลาคม 2516 ท่านทรงออกแถลงให้นักศึกษาและพ่อแม่พี่น้องประชาชนทราบว่า จอมพลถนอม กิตติขจรและครอบครัวเดินทางออกจากประเทศไทยแล้ว เหตุการณ์ก็ค่อย ๆ สงบลง
ครั้งที่สอง พฤษภาทมิฬ แม้ผมจะไม่ได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ เพราะต้องไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด ได้มีโอกาสชมโทรทัศน์ถ่ายทอดการเข้าเฝ้าของ พลเอกสุจินดา คราประยูร กับ พลตรีจำลอง ศรีเมือง และทรงตรัสว่า จะมีประโยชน์อะไรถ้าจะมีชัยชนะบนซากปรักหักพัง
ไม่รู้ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมที่มีผู้ไม่หวังดี นิยมความรุนแรงแฝงอยู่ มีเจตนาให้เป็นแบบ 14 ตุลา หรือ พฤษภาทมิฬ จะหนีออกนอกประเทศ หรือขอเจรจายุติการต่อสู้ หากเป็นอย่างหลัง ไม่สมควรรบกวนใต้เบื้องยุคลบาท เพราะรัฐบาลให้โอกาสเจรจามากว่า 3-4 ครั้งแล้ว
วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
โปรดอย่าถามว่าฉันเป็นใครเมื่อในอดีต....
ในอดีต ผู้หญิงจะต้องทำหน้าที่แม่บ้าน อยู่กับเหย้าเฝ้าเรือน โอกาสทางการศึกษาก๊ไม่ได้รับการส่งเสริมเท่าที่ควร การเลื่อนสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม ก็โดยเลื่อนตามสามี ดังนั้น พ่อแม่ก็มักจะพยายามแสวงหาสามีที่ดีและร่ำรวยให้ลูก ซึ่งบางคนก็เรียกว่าคลุมถุงชน สุดา (นามสมมุติ) เป็นลูกสาวที่เพียบพร้อมด้วยรูปสมบัติ และคุณสมบัติของแม่บ้านที่ดี พ่อแม่จึงเลือกและติดต่อ (อดีต) เจ้าเมือง (ผู้ว่าราชการจังหวัด) เพื่อแต่งงานกับสุดา และสุดากลับปฏิเสธ จึงเกิดการโต้เถียงกับแม่
แม่ : ทำไมลูกถึงไม่ยอมแต่งงานกับท่านเจ้าเมือง ท่านเป็นคนดีออกจะตาย
สุดา : หนูไม่เถียงว่าท่านเป็นคนดี
แม่ : นอกจากนี้ ท่านจะมีฐานะร่ำรวย และเป็นผู้ที่มีเกียรตยศในสังคมอีกด้วย
สุดา : หนูไม่เถียงสิ่งที่แม่พูดทั้งหมด
แม่ : แล้วทำไมลูกถึงไม่ยอมแต่งงานกับท่านเล่า
สุดา : หนูเห็นว่าท่านแก่
แม่ : ถึงแม้ตอนนี้ท่านจะแก่ แต่เมื่อก่อนท่านก็หนุ่มนะ
สุดา จนปัญญาที่จะเถียงแม่ต่อไป แต่ยังไม่ยอมจำนน จึงหนีขึ้นไปนอน ครั้น เช้าตรู่ สุดา จะต้องทำหน้าที่หุงหาอาหารเตรียมไว้ให้พ่อแม่ เมื่อจัดแจงเรียบร้อย จึงเรียกแม่ลงมากินข้าวเช้า พอแม่เริ่มลงมือตักแกงที่สุดาจัดไว้ให้ ก็ให้เกิดบันดาลโทสะ ตวาดถามสุดา
แม่ : อีนี่ มึงบังอาจอย่างไร แกงอะไรให้กูกิน
สุดา : อ้าว แล้วแม่ว่าแกงอะไร
แม่ : นี่ มันแกงไม้ไผ่ แล้วกูจะกินอย่างไร
สุดา : ตอนนี้มันเป็นไม้ไผ่ แต่เมื่อก่อนมันก็เป็นหน่อไม้นะแม่